เมืองโทโยตะ ณ ใจกลางจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาด้วยอุตสาหกรรมศาสตร์และนวัตกรรม รุดหน้าด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและทันสมัย และเป็นเมืองที่หุ่นยนต์แห่งอนาคตและมนุษย์ร่วมกันทำงานเพื่อสร้างเครื่องยนต์ที่มีคุณสภาพและล้ำสมัยที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นมหานครที่มีความล้ำสมัย เมืองโทโยตะก็ยังคงรักษาสายสัมพันธ์ที่ยึดโยงกับประวัติศาสตร์และประเพณีที่รุ่มรวยไว้อย่างมั่นคง โดยประวัติศาสต์ที่มีมาอย่างยาวนานและประเพณีที่ลึกซึ้งนั้น สะท้อนออกมาผ่านเทศกาลประจำปีโคโรโมะมัตสึริ หนึ่งในเทศกาลทางวัฒนธรรมของจังหวัดไอจิที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดและมีเสน่ห์ที่สุด ที่ถูกจัดขึ้นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 1624

โดยแต่เดิม มีชุมชนตั้งอยู่ที่ตีนเขาโดจิ ภูเขาสูง 65 เมตรที่มีปราสาทโคโรโมะตั้งตระหง่านอยู่ พื้นที่แห่งนี้ถูกป้องกันไว้อย่างแน่นหนาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 จนกระทั่งตระกูลนาอิโตะได้รับมอบพื้นที่นี้และเริ่มต่อเติมปราสาทโคโรโมะให้สมบูรณ์ สถานที่ตั้งของปราสาทโคโรโมะในทางยุทธศาสตร์ เป็นรู้จักในชื่อ "ชิจิชูโจ" หรือ "ปราสาทเจ็ดเมือง" เนื่องจากจากป้อมปราการของปราสาทสามารถมองเห็นได้ถึงเจ็ดจังหวัด ได้แก่ มิคาวะ โอวาริ มิโนะ ชินาโนะ โทโทมิ อิเสะ และแม้กระทั่งถึง โอมิ นับเป็นเวลากว่าหลายร้อยปีที่ปราสาทปกป้องพื้นที่โดยรอบ จนท้ายที่สุด ปราสาทได้ถูกทิ้งร้างและส่วนมากถูกทำลายในช่วงปลายของยุคฟิวดัลในปี 1871
ประมาณ 88 ต่อมา ในปี 1959 เมืองปราสาทโคโรโมะเปลี่ยนชื่อและเป็นที่รู้จักในนามเมืองโทโยตะ ภายหลังที่บริษัทผลิตรถยนต์มีฐานการผลิตที่นี่ และแม้ตัวปราสาทจะถูกปิดเป็นเวลากว่า 150 ปีและคงเหลือแต่เพียงซากปราสาท อีกทั้งชื่อของเมืองก็ยังถูกเปลี่ยนแปลงไป แต่เทศกาลโคโรโมะมัตสึริแบบดั้งเดิมก็ยังคงดำเนินต่อและย้ำเตือนให้หวนนึกถึงอดีตของเมืองเสมอ

ตำนานเรื่องเล่าตั้งแต่ปี 1189 ว่าด้วยมินาโมโตะ โนะ โยชิตสึเนะ ที่ได้รับยกย่องอย่างยาวนานในฐานะหนึ่งในผู้บังคับบัญชาทหารซามูไรที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่ที่สุด แต่กลับพ่ายแพ้เนื่องจากถูกทรยศหักหลังด้วยพันธมิตรที่ไว้วางใจ ซูซูกิ ชิเกะโยชิ ผู้ติดตามของเขา ได้รีบเข้ามาช่วยเหลือทันทีที่ทราบข่าวการพ่ายแพ้นั้น และเชื่อกันว่า ชิเกะโยชิได้สร้างศาลเจ้า ณ บริเวณใกล้กับจุดที่เขาทราบข่าวร้าย โดยใช้ชิ้นส่วนจากศาลเจ้าที่นำมาจากโยชิโนะในเมืองหลวงเก่าของนาระ หลายร้อยปีต่อมาในยุคเอโดะ (1600-1868) ศาลเจ้าได้ถูกอุทิศให้แก่โคโมริ ไดเมียวจิน เทพผู้อุปถัมภ์เด็กๆ

ตั้งแต่เริ่มแรก ศาลเจ้าเป็นศูนย์รวมของชุมชนและถูกอุปถัมภ์และเคารพนับถือโดยเหล่าขุนนางและซามูไรแห่งปราสาทโคโรโมะและโดยชาวเมือง ผู้ที่นับถือไม่ว่าจะอยู่ในชนชั้นใดต่างเดินทางมาสวดเพื่อขอให้บุตรที่คลอดมีสุขภาพแข็งแรงและตามความเชื่อทางศาสนา เช่น ฮัตสึมิยะไมริ ศาลเจ้าของเด็กแห่งแรกภายหลังเกิด และชิจิโกะซันไมริ ที่เด็กจะได้รับพรเมื่ออายุสาม ห้า และเจ็ดขวบ ในปัจจุบัน ศาลเจ้ายังมีชื่อเสียงในการขอพรแก่รถยนต์ เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัยเช่นกัน และที่สำคัญ โคโรโมะจินจะยังเป็นที่รู้จักจากโคโรโมะมัตสึริที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรรม และถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามเทศกาลหลักของจังหวัดมิคาวะเดิม ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดไอจิ

จัดขึ้นทุกปีในสุดสัปดาห์ของอาทิตย์ที่สามของเดือนตุลาคม เทศกาลโคโรโมะในระยะเวลาสองวันแสดงให้เห็นถึงพิธีกรรมทางศาสนาและการเฉลิมฉลองที่มีมาแต่ดั้งเดิม ก่อนถึงวันงาน จะมีเทศกาลชิกาคุที่ถูกจัดขึ้นในวันเสาร์ และเทศกาลหลัก เทศกาลฮงกาคุ ถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์ ในขณะที่โทโยตะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายเนื่องด้วยความยอดเยี่ยมทางอุตสาหกรรม แต่ช่วงยุคฟิวดัลก่อนปี 1868 เมืองเคยเป็นผู้ผลิตผ้าไหมและปลูกข้าวรายใหญ่ของภูมิภาคนี้ และเทศกาลโคโรโมะก็จะพาหวนกลับไปถึงวันเวลาเหล่านั้น โดยเทศกาลถูกจัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิมาอย่างยาวนาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการเก็บเกี่ยวผลผลิตจะอุดมสมบูรณ์

รถแห่ของเทศกาลขนาดใหญ่แปดคัน สูงราวสี่เมตร และหนักหลายตัน ต่างมารวมกันในพื้นที่ของศาลเจ้าโคโรโมะอันเก่าแก่เพื่อรับพรในพิธีชำระล้างของชินโต ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนผ่านไปยังอาคารสมัยใหม่ที่เรียงรายบนถนนในเมืองโทโยตะ รถแห่ทั้งแปดคันเป็นของโบราณดั้งเดิมและเมื่อปี 1964 รถแต่ละคันได้ถูกคัดเลือกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมพื้นบ้านของจังหวัดไอจิและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของเมืองโทโยตะ โดยโครงไม้ของรถแห่แต่ละคันได้ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงด้วยไม้แกะสลัก คานไม้เคลือบเงาที่ประดับด้วยลวดลายสีทอง และม่านมาคุขนาดใหญ่ที่ถูกถักทออย่างงดงาม ซึ่งเพียงได้เห็นม่านทอมือที่แขวนประดับนี้ก็คุ้มค่าเพียงพอสำหรับการมาชมเทศกาลแล้ว โดยม่านแต่ละผืนสื่อถึงเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียง นักรบที่กล้าหาญ หรือเทพเจ้าที่เป็นที่เคารพสักการะ และเพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นเทศกาลและความงดงาม กระดาษสีจำนวนมากจะถูกโปรยออกจากรถแห่ในระหว่างการเคลื่อนขบวนที่จะเคลื่อนผ่านหน้าศาลเจ้าเป็นจำนวนเจ็ดครั้งตลอดทั้งเทศกาล

ศาลเจ้าเคลื่อนที่เหล่านี้มีเวทีขนาดเล็กสำหรับสำหรับการแสดงต่างๆ ซึ่งมีการแสดงจำนวนมากที่แสดงโดยเด็กๆ รวมถึงการแสดงคาบูกิ และยังสามารถสนุกไปกับการแสดงตลกแบบดั้งเดิมเคียวเก็นได้อีกด้วย ขณะที่มีการแสดงของนักดนตรีและนักเต้นของงานประเพณีแบบดั้งเดิม รถแห่เหล่านี้จะถูกดึงและผลักไปตลอดเส้นทางในโทโยตะด้วยกลุ่มชาวเมืองจำนวนมากที่แต่งตัวสดใสด้วยชุดประจำเทศกาล พร้อมเปล่งเสียงร้อง "โฮอิซซะ!โฮอิซซะ!" ล้อไม้ขนาดใหญ่และเพลาถูกสอดผ่านรูในโครงรถหลักโดยไม่มีพวงมาลัยบังคับ ดังนั้นเมื่อขบวนแห่ถึงทางเลี้ยว กลุ่มผู้ชายต่างต้องช่วยยกรถแห่หนักหลายตันนี้ขึ้นสองล้อแล้วลากต่อไปยังทิศทางที่ต้องการ ซึ่งแตกต่างจากการหักเลี้ยวอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การแสดงเหล่านี้มีความเร็วที่น่าตื่นตาตื่นใจ และด้วยกระดาษสีที่โปรยปรายลงสู่ผู้ชมก็ทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาด้วยเสียงร้องแห่งความสุข เสียงเชียร์ และเสียงปรบมือจากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าเด็กๆ ต่างดูชื่นชอบการเล่นกองกระดาษสีขนาดยักษ์ที่โปรยออกมาจากรถแห่ อย่าลืมเคลียร์พื้นที่ในกล้องถ่ายรูปให้พร้อม เพราะท่านจะต้องถ่ายภาพความยิ่งใหญ่ของเทศกาลนี้แทบทุกวินาที!

ทั้งสองวัน ผู้คนเนืองแน่นจะเรียงรายเต็มท้องถนนในเมืองเพื่อสนุกไปกับบรรยากาศของเทศกาลและชมรถแห่ ท้องถนนจะมีชีวิตชีวาด้วยกิจกรรมมากมาย ทั้งงานพิธีการ พาเหรด การแสดงของศิลปินท้องถื่น งานศิลปะ และซุ้มอาหารสตรีทฟู้ด ครบครันไปทั้งกิจกรรมสำหรับการชม เล่น กิน และดื่ม

เทศกาลจะเดินทางมาถึงพิธีปิดที่อึกทึกและร้อนแรงในคืนวันอาทิตย์ ด้วยเทศกาลดอกไม้ไฟอันยิ่งใหญ่เหนือแม่น้ำยาฮากิ หลังจากนั้น จะมีการปลดของตกแต่งออกจากรถแห่ แยกชิ้นส่วนบางส่วน และเก็บรักษาในโรงรถคุระพิเศษในแต่ละเขตตามเดิมเพื่อนำมาใช้ในปีถัดไป

สำหรับผู้มาเยี่ยมชมโทโยตะ เทศกาลประจำปีโคโรโมะมัตสึริเป็นด้านหนึ่งของโทโยตะที่เต็มไปด้วยความสุขและความอัศจรรย์ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก และเป็นโอกาสที่จะได้สัมผัสประสบการณ์เทศกาลญี่ปุ่นอย่างแท้จริง สำหรับชาวเมืองโทโยตะ โคโรโมะมัตสึริเป็นเทศกาลที่พวกเขาภาคภูมิใจและรักด้วยหัวใจ การเฉลิมฉลองของประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งก่อให้เกิดรากฐานอันแข็งแกร่งของความมหัศจรรย์ทางเทคโนโลยีของเมืองโทโยตะในปัจจุบัน